๒๒๗๕ - ๒๓๐๑) นั้น ปรากฏว่าใน พ. ๒๒๗๕ พระองค์ทรงแต่งทูตานุทูตไปเจริญทางพระราชไมตรีกับเมืองพม่า มีเครื่องราชบรรณาการต่างๆ มากมาย ในบรรดาเครื่องราชบรรณาการนี้ มีเรือพระที่นั่งกิ่งลำหนึ่งด้วย สำหรับการจัดริ้วกระบวนพยุหยาตราชลมารคนั้น ทำให้เราได้ทราบถึงกระบวนเรือ ซึ่งมีแบบมาแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา ซึ่งเรียงตามลำดับ ตั้งแต่ลำหน้ากระบวน ไปจนถึงท้ายสุดได้ดังนี้ ๑. เรือประตู ๑ คู่ ของพระเทพอรชุน และพระราชนิกุล ๒. เรือกราบ ซึ่งมีฝีพายสวมกางเกงและ เสื้อมงคลสีแดงและดำ ๓. เรือเสือทะยานชล ของหลวงเดชสำแดง และเรือเสือคำรนสินธุ์ ของหลวงแสงศรสิทธิ์ ผู้นั่งท้ายลำทั้งสอง สวมเสื้ออัตลัด นุ่งผ้าสองปัก (สมปัก) คาดรัดประคด ศีรษะโพกขลิบทอง ตรงกลางลำตั้งคฤห์สองชั้น ที่เสาคฤห์มีอาวุธผูกไว้เป็นคู่ๆ คือ ทวน เขน ง้าว เสโล กระบี่ ที่หัวเรือตั้งปืนขานกยางลำละ ๑ กระบอก มีฝีพาย ๓๐ คน ล้วนนุ่งกางเกงสวมเนื้อสนอบสีแดง ศีรษะสวมมงคลแดงผ้าพื้นปัศตู ๔. เรือแซจระเข้ชนิดคะนองน้ำ และเรือแซจระเข้คำราม เป็นเรือพม่าอาสา ๕. เรือแซพิพัทธชล และเรือแซอานนท์ สมุทร เป็นเรือของพวกมอญ กองอาสาอาทบาต ๖. เรือแซช้าง ชื่อ สตำคชรำบาญยิน และคชสารสินธู เป็นเรือพวกมอญ อีกฝีพายนุ่ง ผ้าอย่างมอญ ศีรษะโพกผ้าขลิบ สวมเสื้อสนอบ เป็นผ้าอัตลัด ฝีพาย ศีรษะสวมมงคล สวมเสื้อ และกางเกงสีแดง เรือแซนี้ ท้ายเรือปักธงรบสี แดงทุกลำ ๗.
รามเกียรติ์ ฉบับสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี มี ๔ ตอน คือ ตอนพระมงกุฎ หนุมานเกี้ยวนางวานริน ท้าวมาลีวราชว่าความ และทศกัณฐ์ตั้งพิธีทรายกลดปลุกหอกกบิลพัทพระนิพนธ์ในสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ใช้คำประพันธ์ ร้อยกรองประเภทกลอนบทละคร เพื่อใช้เล่นละคร และเพื่อฟื้นฟูศิลปวัฒนธรรม ๒. ลิลิตเพชรมงกุฏ ประพันธ์โดย หลวงสรวิชิต (หน)ใช้คำประพันธ์ ร้อยกรองประเภทลิลิตเพื่อเล่านิทาน ๓. อิเหนาคำฉันท์ ประพันธ์โดย หลวงสรวิชิต (หน)ใช้คำประพันธ์ ร้อยกรองประเภทฉันท์เพื่อแต่งนิทานคำฉันท์ ๔. โคลงยอพระเกียรติสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ประพันธ์โดย นายสวน มหาดเล็กใช้คำประพันธ์ ร้อยกรองประเภทโคลงสี่สุภาพเพื่อยอพระเกียรติพระเจ้ากรุงธนบุรี ๕. นิราศกวางตุ้ง ของพระยามหานุภาพประพันธ์โดย พระยามหานุภาพใช้คำประพันธ์ ร้อยกรองประเภทกลอนเพลงเพื่อบันทึกการเดินทาง ๖.
รหัสข้อมูล TLD-001-004 ชื่อเรื่องหลัก กระบวนแห่พระกฐินพยุหยาตราทั้งทางสถลมารคแลชลมารค ยุคสมัย วันที่แต่ง พ. ศ.